ก. แรงงาน ห่วง พนักงาน เรียกร้อง โบนัส เพิ่ม ย้ำทุกฝ่ายใช้เหตุผลต่อกัน

ก. แรงงาน ห่วง พนักงาน เรียกร้อง โบนัส เพิ่ม ย้ำทุกฝ่ายใช้เหตุผลต่อกัน

รมว. แรงงาน สั่งจับตาข้อพิพาทแรงงานช่วงสิ้นปี ห่วงมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากสาเหตุ ขอขึ้นเงินเดือน โบนัส สวัสดิการ สั่งเฝ้าระวังกิจการและพื้นที่กลุ่มเสี่ยง พร้อมลงพื้นที่ยุติโดยเร็ว ย้ำนายจ้าง-ลูกจ้าง / พนักงาน ยึดหลักเจรจาด้วยเหตุผลนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน 

เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและการบริการโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ทำให้ปริมาณยอดสั่งซื้อและการใช้บริการลดลง สถานประกอบกิจการส่วนใหญ่ร้อยละ 90 หรือมากกว่านั้นสูญเสียรายได้เป็นจำนวนมาก

ซึ่งในช่วงปลายปีของทุกปีจะมีการเรียกร้องขอขึ้นเงินเดือน โบนัส และสวัสดิการต่าง ๆ หากไม่เป็นที่พอใจต่อทั้งนายจ้าง และลูกจ้าง / พนักงาน ทำให้อาจก่อให้เกิดเป็นข้อพิพาท แรงงาน ได้ จึงได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจับตาเฝ้าระวังปัญหาข้อพิพาทแรงงานดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานประกอบกิจการประเภทผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ประกอบยานยนต์และเครื่องยนต์ สถานประกอบกิจการประเภทโรงแรมและการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ยังต้องเฝ้าระวังในเขตพื้นที่ ระยอง ชลบุรี สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา กรุงเทพมหานคร ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยาและปทุมธานี เนื่องจากพบว่ามีข้อเรียกร้องมากตามลำดับในช่วง ๒ เดือนที่ผ่านมา หากพบว่ามีสัญญาณที่อาจก่อให้เกิดข้อพิพาทแรงงานให้เร่งส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปทำความเข้าใจและช่วยไกล่เกลี่ยให้ได้ข้อยุติในพื้นที่โดยเร็วที่สุด

ด้าน นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาข้อพิพาทแรงงาน ขอฝากเตือนนายจ้าง ลูกจ้างให้เจรจากันด้วยเหตุผล ยึดหลักแรงงานสัมพันธ์แบบหุ้นส่วน นายจ้างควรชี้แจงข้อเท็จจริงถึงผลประกอบกิจการที่ผ่านมา

เพื่อทำความเข้าใจกับลูกจ้างอย่างตรงไปตรงมาโดยยึดหลักสุจริตใจ และขอให้ทั้งสองฝ่ายคำนึงถึงสิทธิ หน้าที่ภายใต้กรอบของกฎหมายและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ทั้งนี้ จากการเก็บข้อมูลสถานการณ์ด้านแรงงานสัมพันธ์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม – 1 ธันวาคม 2563 พบว่า มีการยื่นข้อเรียกร้อง ข้อพิพาทแรงงาน และข้อขัดแย้ง ในเรื่องของเงินโบนัส การขึ้นเงินเดือนและสวัสดิการด้านต่างๆ ตามลำดับ

ข้าวหอมมะลิไทย แชมป์ข้าวโลก 2020 เฉือนชนะเวียดนาม กัมพูชา

วันที่ 5 ธ.ค.63 วันพ่อแห่งชาติ นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รายงานตอนหนึ่งว่า มีจัดการประชุมผู้ค้าข้าวทั่วโลก วันที่ 1-3 ธันวาคม ประเทศไทยได้รับรางวัลชนะเลิศ สาขาWorld’s Best Rice Award 2020 สมัยที่ 6 จากการแข่งขันทั้งหมด 12 ครั้ง

ข้าวที่ดีที่สุดในโลกปี 2020 คือ ข้าวพันธุ์ข้าวหอมมะลิที่เพิ่งเก็บเกี่ยวในเดือนพฤศจิกายนนี้ ประเทศที่เข้ารอบสุดท้ายมีไทย เวียดนามและกัมพูชา

ท่านนายกฯ ได้กล่าวว่า ผลการประกวดเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันทำให้ข้าวไทยกลับมาเป็นที่หนึ่งอีกครั้ง อีกทั้งเป็นเครื่องประกันถึงคุณภาพข้าวไทยในตลาดโลก ส่งผลบวกต่อโอกาสการส่งออกข้าวและรายได้เกษตรกรด้วย ที่สำคัญ เราจะต้องช่วยกันรักษาแชมป์ไว้ให้ได้ ซึ่งรัฐบาลจะเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ข้าวไทยปี 2563-2567 ที่ตั้งเป้าให้ประเทศเป็นผู้นำการผลิต การตลาดข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก โดยต้องพัฒนาสินค้าข้าวให้มีความหลากหลายและตรงกับความต้องการของตลาด เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกรและภาคส่วนอื่น ๆ ในห่วงโซ่อุปทาน และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความคืบหน้าทุกสามเดือน ที่สำคัญต้องทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ

รองโฆษกฯ กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายข้าวแห่งชาติ (นบข.) เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้สั่งการเรื่องการเร่งสนับสนุนการพัฒนาพันธุ์ข้าวให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด เพราะเป็นหัวใจหลักของการสร้างจุดแข็งของข้าวไทย ซึ่งในแผนยุทธศาสตร์ฯ เฉพาะการพัฒนาพันธุ์ข้าว ได้กำหนดเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน คือ

1) ได้ข้าวพันธุ์ใหม่ตรงตามความต้องการของตลาด อายุเก็บเกี่ยวสั้น ผลผลิตต่อไร่สูงมาก ไม่น้อยกว่า 12 พันธุ์ ในปี 2567 ดังนี้

– พันธุ์ข้าวเจ้าพื้นนุ่ม 4 พันธุ์ อายุสั้นไม่เกิน 100 วัน ผลผลิตต่อไร่ไม่ต่ำกว่า 1 ตัน

– พันธุ์ข้าวเจ้าพื้นแข็ง 4 พันธุ์ อายุสั้นไม่เกิน 100 วัน ผลผลิตต่อไร่ไม่ต่ำกว่า 1.5 ตัน

– พันธุ์ข้าวหอมไทย ผลผลิตไม่ต่ำกว่า 0.8 ตันต่อไร่ จำนวน 2 พันธุ์

– พันธุ์ข้าวโภชนาการสูง 2 พันธุ์ ผลผลิตต่อไร่ไม่ต่ำกว่า 0.8 ตัน

2) เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเพิ่มประสิทธิภาพการลดต้นทุนการผลิตข้าวและผลผลิตต่อไร่ ไม่น้อยกว่า 10 เทคโนโลยี ในปี 2567

มากไปกว่านั้น แผนยุทธศาสตร์ฯ ยังครอบคลุมการสร้างความร่วมมือการวิจัยและพัฒนาข้าวกับต่างประเทศในเรื่องพันธุกรรมข้าว โดยการจัดงานประกวดข้าวพันธุ์ใหม่รองรับตลาดนำการผลิต ปีละ 1 ครั้ง โดยปี 2564 จะจัด 2 ครั้ง ในเดือนมกราคม และธันวาคม 2564

ทั้งนี้ ลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการของ“โครงการเงินกู้ที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติธรรมชาติ ปี 2563” สามารถติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถึงภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2563 หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนด 

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป